4 คิงส์ 2 4Kings ภาค 2 สานต่อเรื่องราวความเดือดของนักเรียนอาชีวะยุค 90s จากภาคแรกที่ประสบความสำเร็จ กวาดรายได้ 170 ล้านบาท และรางวัลอีกหลายเวที กรุยทางให้สามารถสร้างภาคต่อได้ชนิดที่เรียกว่าจัดเต็ม
ภาค 2 เพิ่มอุณหภูมิความเดือด
ฟื้นความทรงจำกันสักหน่อย 4KINGS ภาคแรกที่เข้าฉายในปี 2564 เป็นการเล่าเรื่องราวความขัดแย้งและวัฒนธรรมการตีกันของนักเรียนอาชีวะยุค 90 จาก 4 สถาบัน ได้แก่ อินทรอาชีวะ, เทคโนโลยีประชาชล (เทคโนโลยีประชาชื่น), กนกอาชีวะ และช่างกลบูรณพนธ์
ตัวเรื่องมุ่งเน้นไปที่ความเป็นอริระหว่าง อินทรอาชีวะ กับ เทคโนโลยีประชาชล และจากที่เปรยไว้ในช่วงท้ายเรื่อง ก็นำมาสู่ความขัดแย้งครั้งใหม่ ในภาค 2 จึงเป็นเรื่องราวของ กนกอาชีวะ กับ ช่างกลบูรณพนธ์
ภาคแรกเป็นเรื่องของเด็กช่างที่เรียนภาคกลางวัน แต่ภาค 2 จะเป็นเด็กช่างที่เรียนภาคค่ำ มู้ดแอนด์โทนจึงมีความซ่า เปรี้ยว และดุดันมากกว่า เปลี่ยนจาก “ร็อกคลาสสิก” เป็น “อัลเทอร์เนทีฟ” มากขึ้น
เนื้อเรื่อง 4KINGS 2 เริ่มต้นด้วย บ่าง กนก ที่ต้องการจะแก้แค้น รก บุรณพนธ์ และพวกที่มาทำร้าย ตุ้มเม้ง กนก จนปางตาย ท่ามกลางความขัดแย้ง 2 สถาบัน ขณะเดียวกันพวกเขาก็ต้องเผชิญกับ ยาท เด็กบ้าน ที่ออกมาสร้างความวุ่นวาย จุดชนวนครั้งใหญ่ และทำให้เหตุการณ์เลวร้ายลง การล้างแค้นจึงดุเดือดมากขึ้นเรื่อย ๆ
ตัวละครเด่นภาคนี้นอกจาก บ่าง กนก และ รก บุรณพนธ์ คือ ยาท เด็กบ้าน ที่ปูให้ บิ๊ก ดีเจอร์ราร์ด ได้เฉิดฉายอย่างเต็มที่กับบทคนชนชั้นล่างของสังคมซึ่งไร้ทางเลือกในชีวิต โดยมีแรงบันดาลใจมาจากบทตัวละครระดับโลกอย่าง “โจ๊กเกอร์”
4KINGS 2 กับเหตุวิวาทของเด็กช่างในชีวิตจริง
แน่นอน 4KINGS 2 กลับมาพร้อมกระแสจากความสำเร็จในภาคแรก แต่อย่างที่เกริ่นไว้ตอนต้นว่าข่าวความรุนแรงของนักเรียนอาชีวะที่ปรากฏอยู่ในสังคมขณะนี้มีแต่เชิงลบ หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ 4KINGS 2 จะถูกตั้งคำถามถึงความเหมาะสมและปลุกปั่นความรุนแรงหรือไม่
ถึงขั้นที่ว่ากองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ประชาสัมพันธ์เรื่องการวางมาตรการเฝ้าระวังป้องกันเหตุความรุนแรงของเด็กช่าง ช่วงภาพยนตร์ 4KINGS 2 เข้าฉายเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ข่าวสด ระบุ กลุ่มนักแสดงจาก 4KINGS 2 ก็ได้ออกมาบอกว่า หนังสะท้อนเรื่องจริงของสังคม ไม่ปลุกปั่นความรุนแรง และเชื่อว่าในหนังมีคำตอบให้ทุกคำถาม
แหลม สมพล กล่าวว่า หนังเรื่องนี้สะท้อนหลาย ๆ อย่าง สะท้อนสังคมเพื่อน สะท้อนสังคมของอาชีวะ พาทุกคนเข้าไปถึงเรื่องราวของปัญหาสังคม ไม่ว่าจะเป็นปัญหาครอบครัว ปัญหายาเสพติด และปัญหาความรุนแรง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องจริงในสังคมที่หนังเอามาตีแผ่ เป็นทั้งความบันเทิงและอุทาหรณ์
ด้าน ท็อป ทศพล กล่าวว่า ในเรื่องนี้บทที่เล่นก็เหมือนเป็นตัวแทนให้เห็นว่าจริง ๆ แล้วสิ่งไม่ดีในสังคมมันมีเยอะ แต่อย่าเอาตัวเองลงไปเล่น เราทำให้ดูเป็นเยี่ยงเป็นอย่าง ดูไว้จะได้ไม่เจ็บตัวเอง แล้วก็ไปใช้ชีวิตอย่างมีสติ ซึ่งความเท่ที่พวกคุณคิดว่ามันเท่ อยากให้ลองดูในหนังเรื่องนี้ เราจะได้รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่คิดไปเองหรือเปล่า
และ จี๋ สุทธิรักษ์ ที่กล่าวว่า จริง ๆ แล้วอยากให้ดูที่เจตนาของหนังมากกว่า ไม่ว่าจะมีคำถามมากี่คำถาม เชื่อว่าถ้าดูหนังจบจะตอบทุกคำถามได้อย่างแน่นอน
