ประโยคสุดท้ายที่เรามักได้ยินก่อนความบันเทิงเลือดกำลังระแลงนั้นก็คือ”เราต้องออกไปจากที่นี้”ย้ำว่าให้ไว แน่นอนว่าก่อนเข้ามาพวกเขาคงไม่ได้คิดหน้าคิดหลังเนื่องจากเห็นว่าเป็นแค่บ้านร้าง หรือคงคิดว่าไม่มีใครใช้ซุกหัวนอน(อาศัยอยู่)ไม่เช่นนั้นเหตุเลวร้ายคงไม่เกิดหรือถ้าให้ดีโปรดขออนุญาตก่อนเข้าบ้านคนใครๆก่อนไม่เว้นแม้กระทั่งบ้านร้าง แม้เราจะยืนยันได้ว่าจะไม่มีใครอยู่ก็ตาม ซึ่งคงจะอุ่นใจกว่าถ้าเจอะเจอเหตุการณ์เหมือนกับกลุ่มวัยรุ่นนอร์เวย์จากหนัง Cold Prey เรื่องนี้หรือจะเข้าไปลองของแบบเรื่องอื่นๆจงระวัง และหวังว่าคงจะเจอกับเจ้าของบ้านใจดีแบบฮันเซลและเกรเทลที่ไม่ได้จ้องเอาแต่จะเชือดลูกเดียว(คือขุนให้โตก่อนนำฮันเซลและเกรเทลไปเชือด)
กลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่หลงใหลการเล่นสโนว์บอร์ด ขับรถเดินทางเข้าไปในอุทยาน Jotunheimen เพื่อไปยังจุดพักแคมป์ ทว่าพวกเขากลับหยุดรถตัดสินใจพักบริเวณเชิงเขาแห่งหนึ่งและตกตะลึงไปกลับความสูงสง่างามของมัน แต่ละคนไม่รอช้าสวมใส่อุปกรณ์และปีนขึ้นไปบนยอดก่อนเซิฟตัวลงไปตามไหล่เขา
แต่ทว่ามอร์เตน โทเบียส กลับประสบอุบัติเหตุจนขาหักระหว่างการเซิฟ พวกเขารีบผยุงตัวผูกตัวเข้ากับเลื่อนระหว่างนำตัวเขาไปขอความช่วยเหลือ จนได้มาพบกับโรงแรมร้างของนักสกีเข้าบังเอิญ ไม่รอช้าพวกเขาก็บุกเข้าไป ควานหาอุปกรณ์ต่างๆเพื่อมาใช้ในการเข้าเผือกขาและตัดสินใจจะพักค้างแรมในโรงแรมแห่งนี้รอให้มอร์เตนทุเลาขึ้น
แต่ละคนก็เริ่มเข้าไปสำรวจภายในโรงแรมแห่งนี้ เอียริคไปหาสะพานไฟและทำให้มันใช้งานได้อีกครั้ง ยานนิเก้นั่งคุยกับมอร์เตน ส่วนมิคาลและอิงกูนเดินเล่นสำรวจห้องพักและเจอะเข้ากับต้นเหตุที่โรงแรมนี้ถูกปิดตัว ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อนก็มาร่วมพูดสัพเพเหระ จนกระทั่งรุ่งเช้าเมื่อพวกเขารู้ว่าไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้นที่พักอยู่ในโรงแรมแห่งนี้
เป็นหนังสยองขวัญจากนอร์เวย์เรื่องหนึ่งด้วยพล๊อตเรื่องธรรมดาๆ คือ กลุ่มวัยรุ่นไปเจอะเจอฆาตรกรสุดโหดในโรงแรงร้างแห่งหนึ่ง แต่นำเสนอดนตรีประกอบออกมาได้ดี ไม่ว่าจะตอนที่ตัวละครกำลังตกอยู่ในวังค์พรั่นพรึงไปกลับความสง่างามของแนวเขา หรือฉากที่พวกเขากำลังถูกไล่ต้อนโดยฆาตรกรรมสุดโหด หรือช่วงเวลาผิดหวัง เศร้าและสุขของตัวละครต่างที่ในช่วงเวลาเดียวกันหรือช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม ทำให้พล๊อตที่ดูเหมือนงั้นๆไม่จืดชืดน่าเบื่อไปเสียทีเดียว
ผู้กำกับจงใจขยี้อารมณ์คนดูไปกับสถานการณ์ต่างๆให้เหมือนกับพาผู้ชมเข้าไปร่วมพี้การบรรเลงของวงออร์เคสตราและพยายามหน่วงอารมณ์ผู้ฟังให้วาดภาพจากเสียงของมัน หนังดึงเอาเรื่องราวธรรมดามาตกแต่งและปะติดปะหน่วงรั้งอารมณ์คนดูผ่านดนตรีประกอบไม่ใช่แค่เฉพาะแนวตื่นเต้น สยองขวัญ เท่านั้นแถมการประกอบจังหวะทั้งต้นและจบทำได้เนียบคมมาก โดยเฉพาะช่วงเวลาเปลี่ยนสถานการณ์ ซึ่งทำให้พล๊อตเรื่องธรรมดาเด่นขึ้นทันตา ขั้นอาจจะเทียบชั้นหนังครูแนวตระกูลสับหั่นเชือด(Slasher Film)ยอดเยี่ยมเรื่องอื่นๆไม่น้อย(แม้บางทีเรื่องอื่นอาจสนุกตื่นเต้น น่าสนใจกว่า)
จนมันถูกนำไปขยายความและสร้างต่ออีกสองภาค แถมยังเกี่ยวเนื่องกันว่าอดีตฆาตรกรรมคนนั้นทำไมเขาจึงกลายมาไอ้ยักษ์จอมโฉด หรือแม้กระทั่งท้ามันไม่ตายละ!จะเกิดอะไรขึ้นตามนะเธอ