ว่ากันว่าเส้นแบ่งระหว่างความเป็นอัจฉริยะกับคนบ้านั้นต่างกันอยู่นิดเดียวเท่านั้น ซึ่งถ้าใครได้ไปดูหนังเรื่อง Copying Beethoven ก็คงจะเห็นจริงตามคำกล่าวนั้นไม่มากก็น้อย นักประพันธ์เพลงชื่อก้องโลกนาม บีโธเฟ่น เป็นอัจฉริยะด้านการประพันธ์เพลง เรื่องนี้ใครๆ ก็รู้ แต่บางคนอาจไม่ทราบว่าเขาต้องใช้ความพยายามอย่างบ้าคลั่งเพียงใด กว่าที่จะสร้างสรรค์ผลงานอันยอดเยี่ยมออกมาได้ และยังอาจไม่เคยทราบด้วยว่าเขาปากร้ายและมีพฤติกรรมสุดห่ามเหลือล้น จนทำให้หญิงสาวที่บูชาเขาหนีกระเจิดกระเจิงมาแล้ว
ที่สำคัญคือ หลายคนอาจไม่เข้าใจว่าเขาสร้างงานอันยอดเยี่ยมออกมาได้อย่างไร ทั้งๆ ที่หูได้ยินอะไรไม่ชัดอย่างนั้น คนคิดว่าฉันอยู่ในความเงียบ แต่เสียงในหัวของฉันมันดังอยู่ตลอดเวลาและไม่สามารถหยุดได้ ฉันถึงต้องจดมันออกมา คือคำที่บีโธเฟ่น (เอ็ด แฮริส) อธิบายให้ แอนนา (ไดแอน ครูเกอร์) หญิงสาวผู้ใฝ่ฝันจะเป็นนักประพันธ์เพลงฟัง
นอกจากความพยายามในการสร้างสรรค์งานของบีโธเฟ่นแล้ว สิ่งที่งดงามยิ่งสำหรับหนังเรื่องนี้ก็คือฉากบรรเลงเพลง ซิมโฟนีหมายเลข 9″ ที่ทำให้เรารู้ว่าไม่มีอัจฉริยะที่ไหนในโลกถือกำเนิดขึ้นได้อย่างลำพัง หากต้องอาศัยแรงกายหรือแรงใจจากคนรอบข้างมาร่วมประสาน หรือผลักดันให้เกิดเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น