ยอมรับว่าด้วยหลายๆ องค์ประกอบของ The Captive ไม่ว่าจะเนื้อเรื่อง, โปสเตอร์, ฉากหลังที่เต็มไปด้วยหิมะ มันทำให้นึกถึง Fargo แบบเต็มๆ ครับ
ซึ่งพอดีในหนังก็ว่าด้วยการลักพาตัวเหมือนกันอีก เพียงแต่ลีลาการนำเสนอจะไปคนละทาง ในขณะที่ Fargo จะออกแนวตลกร้ายแสบๆ แต่เรื่องนี้จะมาเป็นดราม่าระทึกแบบจริงๆ จังๆ
สิ่งที่กวักมือเรียกผมให้ดูก็คือชื่อผู้กำกับ Atom Egoyan ที่มีงานอินดี้เจ๋งๆ อย่าง The Sweet Hereafter และ Exotica ประทับอยู่ในความทรงจำของผม ในขณะที่เรื่องนี้ถ้าให้ว่าแบบตรงๆ ก็คือการเดินเรื่องค่อนข้างเนิ่บช้า ความน่าติดตามก็ยังไม่มากขนาดนั้น
หนังว่าด้วยหนูน้อยแคสซานดร้า เด็กน้อยวัย 9 ขวบโดนลักพาไปโดยที่ไม่มีใครพบร่องรอย จนกระทั่ง 8 ปีต่อมาพ่อของเธอ (Ryan Reynolds) ก็ยังเชื่อว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่ง และเขาก็พยายามตามหาเธอ แต่แล้วการตามหาก็นำพาเขาไปสู่สิ่งที่เขาเองก็ไม่เคยคิดคาดฝันไว้
ผมเล่าเรื่องย่อเหมือนหนังจะออกแนวระทึกลึกลับตามปมใช่ไหมครับ แต่จริงๆ ไม่ใช่นะ หนังหนักไปที่ดราม่าครับ หนักไปที่อารมณ์ของตัวละครที่เต็มไปด้วยความเศร้า กดดัน เจือด้วยความรู้สึกผิดอะไรประมาณนั้น ในขณะที่การตามปมก็ไม่ได้เน้นมาก ไม่ได้มีปมให้สืบให้ลุ้นแบบหนังสืบสวนทั่วๆ ไป อย่างที่บอกครับว่าหนังมาแนวดราม่ามากกว่า
หนังเดินเรื่องเนิบช้าและมีวาระอืดเป็นพักๆ (ช้าบ้างอืดบ้างน่ะครับ 555) ดังนั้นถ้าใครคาดหวังความระทึกก็ต้องทำใจครับ แต่ถ้าใครโอเคกับหนังดราม่าซึมลึก หากอยากลองลิ้มก็ไม่เสียหายอะไร ซึ่งถ้าให้ผมลองเปรียบเทียบสไตล์ของหนังเรื่องนี้มันก็มาในสไตล์คล้ายๆ A Simple Plan อะไรประมาณนั้น
อันนี้หมายถึงการสไตล์การเดินเรื่องน่ะนะครับ ปล่อยให้คนดูสัมผัสมิติตัวละครไปเรื่อยๆ ค่อยๆ เข้าใจตัวละครไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้มีเหตุระทึกอะไรมากมาย แต่ต้องบอกก่อนว่า A Simple Plan น่ะทำออกมาสนุกและน่าติดตามกว่าครับ กับเรื่อง The Captive นี่มันเรื่อยๆ ช้าๆ จนออกจะมากไปสักหน่อย
แต่อย่างน้อยหนังก็จุดชนวนให้คิดได้ไม่เลวครับ เกี่ยวกับการหายตัวไปของแคสซานดร้าและสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมา ทว่าการนำเสนอยังไม่จับใจเท่าที่ควรเท่านั้นเอง ^_^