นักเปียโน “วลาดิสลอว์ ซพิลแมน” (เอเดรียน โบรดี้) มีงานเล่นเพลงที่สถานีวิทยุ ในกรุงวอร์ซอว์ตามปกติ แม้ว่าจะเป็นช่วงที่พวกทหารนาซี จะบุกเข้ามาโปแลนด์หลายสัปดาห์แล้ว เขาต้องเดินข้ามศพคน และซากม้าตายจำนวนมาก กว่าจะไปถึงสถานีวิทยุ จนกระทั่งบ่ายวันหนึ่ง ขณะที่เขากำลังเล่นเพลงของโชแปงอยู่นั้น ห่าระเบิดของฝ่ายศัตรู ก็ถล่มลงมาในเมืองเสียหายยับเยิน หลายวันต่อมา วอร์ซอว์ตกเป็นของนาซี แม้ว่าจะรู้ดี ถึงสิ่งที่จะเกิดตามมาภายหลังจากนี้ แต่เขาก็ยังเชื่อว่า ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย เมื่ออังกฤษกับฝรั่งเศสประกาศสงครามกับเยอรมัน
ทหารนาซีสั่งให้ชาวยิวจำนวน 360,000 คน ในกรุงวอร์ซอว์ ต้องสวมปลอกแขนระบุเชื้อชาติ และย้ายออกจากบ้าน ไปอยู่อย่างแออัดในเขตพื้นที่อันจำกัด ซพิลแมนก็ยังคงเชื่อว่า เขาสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้ ตราบเท่าที่ปฏิบัติตามกฏ และมองโลกในแง่ดีต่อไป เขาได้ใบประกาศนียบัตร รับรองการทำงานเป็นนักเปียโน ในร้านอาหารเฉพาะชาวยิว และพยายามสร้างความมั่นใจให้กับทุกคนด้วยคำพูดว่า “ไม่ต้องห่วง อีกไม่นานทุกอย่างก็กลับคืนสู่ภาวะปกติ”
ต่อมาในเดือนสิงหาคมปี 1942 ครอบครัวของเขา ถูกส่งตัวขึ้นรถไฟไปยังค่ายกักกัน แต่เขาได้รับความช่วยเหลือช่วงนาทีสุดท้าย ให้อยู่ในกรุงวอร์ซอว์ต่อไป จากเพื่อนคนหนึ่งประจำกรมตำรวจ หลังจากนั้น ซพิลแมนก็ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่ในเมืองที่กำลังจะพังพินาศ ด้วยน้ำมือสงคราม ไม่มีอะไรจะกิน และป่วยเป็นโรคสารพัด เป็นเวลานานที่เขาต้องอาศัยอย่างแร้งแค้น อยู่ในบ้านร้างหลังหนึ่ง ก่อนต่อมาจะถูกค้นพบ โดยนายทหารเยอรมัน ร้อยเอก วิล์ม (โธมัส เคร็ทสช์แมนน์) ผู้ยื่นข้อเสนอว่าจะนำอาหารมาให้ หากเขายอมเล่นเปียโนให้ฟังเป็นการตอบแทน…