เมื่อเดือนมีนาคม ปี 1991 ณ ทะเลทรายในประเทศอิรัก ร้อยเอกอาร์ชี่ เกตส์ (จอร์จ คลูนีย์) แห่งกองกำลังพิเศษ, สิบเอกทรอย บาร์โลว์ (มาร์ค วอห์ลเบิร์ก) แห่งกองทัพบกสหรัฐอเมริกา, จ่าสิบตรีเอลกิ้น (ไอซ์ คิวบ์) และ พลทหารวิก (สไปค์ โจนซ์) ใช้เวลาหลายสัปดาห์ ในฐานทัพให้หมดไปวัน ๆ เพราะสงครามอ่าวเปอร์เซีย ล้วนดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธสงครามไฮเทคทั้งสิ้น สงครามแบบนี้ทำให้กำลังพลเบื่อหน่าย และรู้สึกราวกับว่าถูกทิ้งขว้าง ยิ่งเมื่อประกาศหยุดยิงอย่างเป็นทางการด้วยแล้ว พวกเขาก็ยิ่งเร่งนับวัน ที่จะถูกส่งตัวออกไปจากดินแดนเวิ้งว้างแห่งนี้เสียที
อาร์ชี่ เกทส์ เป็นนายทหารอาชีพ เคยฝึก Green Beret ที่พร้อมรับมือกับสถานการณ์ความขัดแย้งทั่วโลก ด้วยความหาญกล้า และสติปัญญาอันเฉียบคมของเขา แต่ประสบการณ์โชกโชนของเขานี่เอง ที่ทำให้กลายเป็น คนช่างเย้ยหยัน ไม่ติดยึดอยู่กับ สิ่งใด ๆ และไม่แยแสกับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ที่ดูไม่ได้ดีเลิศไปกว่าความเชื่อมั่นในตัวของเขาเอง เกทส์พร้อมจะละทิ้งกองทัพไปอย่างไร้เยื่อใย แต่การใช้ชีวิตเยี่ยงประชาชนอย่างไร้จุดหมาย ที่รอเขาอยู่เบื้องหน้านั้น ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกปลื้มสักเท่าไร
ทรอย บาร์โลว์ เป็นนายทหารหนุ่ม มีความสามารถ จริงใจ และคิดถึงบ้านในดีทรอยต์ ที่ภรรยาและลูกสาวรอคอยการกลับมาของเขา ในฐานะที่เป็นทหารกองหนุนคนหนึ่ง บาร์โลว์ยึดมั่นในการปฏิบัติภาระกิจที่ได้รับมอบหมายมาให้สำเร็จลุล่วง และเขาก็ภูมิใจมากที่ได้รับใช้ประเทศชาติสหรัฐอเมริกาด้วย
ส่วน เอลกิน เป็นเด็กยกกระเป๋าที่สนามบินดีทรอยต์ ในช่วงที่เขาไม่ได้ปฏิบัติภาระกิจรับใช้กองทัพ ชีวิตเยี่ยงประชาชนของเอลกิน ไม่ได้ทำให้เขาอิ่มท้องเมื่อเทียบกับชีวิตในกองทัพ เอลกินยึดมั่นในความเชื่อตาม วิถีของคริสเตียนอย่างเคร่งครัด และการยึดมั่นในการปฏิบัติเพศบรรพชิตนี่เอง ที่ทำให้เขาได้รับการยกย่องจากเพื่อน ๆ อย่างมาก พลทหารวิก นั้นเป็นพวกทำงานนั่งโต๊ะที่ไม่เคยจบการศึกษาระดับมัธยมด้วยซ้ำ เขาถือว่าภาระกิจในกองทัพเสริมสร้างสีสันในชีวิตดีกว่าชีวิตเยี่ยงประชาชน เขาเข้าใจถึงความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศอิรัก หรือผลกระทบหลังสงครามสงบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าได้ทำอะไรแผลง ๆ บ้างก็ยิ่งถูกใจ วิก ที่อยากหาความตื่นเต้นเป็นทุนอยู่แล้ว
วิถีชีวิตของทหารทั้งหลายก็ซับซ้อนสับสนอยู่แล้ว ยิ่งมีนักข่าวโทรทัศน์ที่คอยมาซอกแซกสอดส่อง ก็ยุ่งเหยิงกันเข้าไปใหญ่ โดยเฉพาะนักข่าวสาวหัวแข็งที่กัดไม่ปล่อยอย่าง เอเดรียนน่า ครูซ (นอร่าห์ ดันน์) ด้วยแล้ว เธอสามารถล้วงข้อมูลสำคัญ มาทำข่าวแบบเจาะลึกได้อย่างเหลือเชื่อ
ในขณะที่กองทัพอเมริกันเตรียมถอนตัว ออกจากฐานทัพกลางทะเลทราย เพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านนั้น ทรอย, เอลกิน และ วิก ก็เผอิญได้ครอบครองแผนที่บ่งบอกสถานที่ซุกซ่อนทองคำขุมใหญ่ ที่กองทัพอิรักปล้นสดมภ์มาจากชาวคูเวต
ยังไม่ทันจะหายงงกับแผนที่ในมือ และตระหนักถึงผลประโยชน์ที่จะเอื้ออำนวยกับพวกเขา อาร์ชี่ เกทส์ กลับเข้าใจสถานการณ์ และออกคำสั่งอย่างเฉียบพลัน “เมื่อซัดดัม ปล้นมาจากชาวบ้าน ผมก็ไม่ตะขิดตะขวงใจที่จะปล้นมันต่อจากซัดดัมอีกที งานนี้ก็ไม่เห็นจะยากเย็นตรงไหน และมันน่าจะพอเพียงให้เราได้ปลดเกษียณกันเสียที – เว้นแต่ว่าเอ็งจะชอบทำงานไปวัน ๆ อย่างนี้ก็ตามใจ”
เมื่อฉวยอาวุธติดไม้ติดมือกันไปพอหอมปากหอมคอ ทหารทั้งสี่นายก็กระโจนขึ้นรถฮัมวี่ หมายมาดจะปฏิบัติการลับส่วนบุคคลของพวกเขาอย่างรวดเร็ว ตามแผนการแล้ว พวกเขาน่าจะ “ออกแต่รุ่งสาง และกลับมาทันกินมื้อกลางวัน” แต่กลับไม่เป็นดังคาด โชคชะตาเล่นตลกกับกลุ่มทหารนักล่าสมบัติกลุ่มนี้ การเดินทางเข้าไปในดินแดนของชาวอิรัก ด้วยความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว กลายเป็นการเผชิญหน้ากับชาวอิรักอย่างซึ่งหน้าเป็นครั้งแรก รวมไปถึงความซับซ้อนของวิถีชีวิตในประเทศผู้ก่อสงครามด้วย
ภาระกิจคิดฉ้อกลับกลายเป็นการนำไปสู่อีกภาระกิจหนึ่งเสียได้ ยิ่งได้สัมผัสกับความเป็นจริงมากขึ้น ก็ยิ่งเหมือนกับตีแผ่ชีวิตจริงด้วยมุขที่ขำไม่ออก จนกระทั่งทหารทั้งสี่นายเปลี่ยนใจ จากเป้าหมายของภาระกิจเดิม ที่ตั้งใจไว้แต่แรกไปชนิดพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ มันกลายเป็นการผจญภัย เพื่อการค้นพบ และการไถ่บาป เป็นการผจญภัยที่พวกเขาจะไม่มีวันลืมเลือน…