ดูหนังออนไลน์ Dragonheart 4: Battle for the Heartfire (2017) ดราก้อนฮาร์ท 4 มหาสงครามมังกรไฟ DragonHeart ภาคแรกถือเป็นหนึ่งในหนังแฟนตาซีย้อนยุคที่ผสมกลิ่นอายเรื่องของอัศวินและการผจญภัยได้อย่างพอเหมาะ ที่สำคัญคือมีแง่คิด มีเนื้อหาชวนให้ประทับใจ จนถึงทุกวันนี้หากมีโอกาสผมก็ยังเอามาดูอยู่บ่อยๆ
แล้วหนังชุดนี้ก็มีภาคต่อแบบทำลงวีดีโอ/ลงแผ่นอยู่เรื่อยๆ ครับ จนถึงภาคนี้ก็มาถึงภาคที่ 4 แล้ว แต่หากไล่ไทม์ไลน์เนื้อหาแล้วภาคนี้ก็เป็นเหตุการณ์หลังจากภาค 3 ประมาณ 70 ปี แต่กระนั้นก็ยังเป็นเหตุการณ์ก่อนภาคแรกอยู่
สรุปก็คือหนังใช้สูตรเดียวกับ The Scorpion King น่ะครับ ภาคต่อทั้งหมดก็คือภาคก่อนหน้าทั้งนั้น และในแง่คุณภาพก็คงต้องบอกว่าก็ชวนให้นึกถึง The Scorpion King อีกเหมือนกัน เพราะมันมีความสนุกน่าติดตามน้อยกว่าต้นฉบับเยอะ
เรื่องในภาคนี้ ว่าด้วย ดราโก้ (ให้เสียงโดย Patrick Stewart) มังกรไฟผู้พิทักษ์กษัตริย์กาเรตต์ (Valeriu Bazu) แต่แล้วกษัตริย์ได้สวรรคต ทำให้บัลลังก์ว่างลง และผู้ที่มีสิทธิ์ในบัลลังก์ก็คือพระราชนัดดา (หลาน) ทั้ง 2 ของพระองค์
แต่ทว่าทั้งคู่กลับแก่งแย่งแข่งขัน ห้ำหั่นกันเพื่อบัลลังก์ และอยากได้อำนาจอันมหาศาลของมังกรดราโก้จนบ้านเมืองระส่ำ และเรื่องราวยิ่งเลวร้ายเมื่อหัวใจของดราโก้ถูกขโมยไปอีก นั่นทำให้ทั้งสองต้องหยุดความขัดแย้ง และหันมาช่วยกันตามหาหัวใจของดราโก้คืนมาให้ได้
ว่าตามจริงพล็อตถือว่าเข้าท่านะครับ เรื่องของพี่น้องที่ต้องปกครองอาณาจักร แต่กลับไม่รู้จักว่าควรปฏิบัติตนเช่นไรในฐานะผู้นำ และยังหลงในอำนาจจนทำให้บ้านเมืองเกิดความเสียหาย ซึ่งพล็อตแบบนี้เอื้อให้เกิดการเรียนรู้เรื่องราวดีๆ ได้อย่างเยอะ
ไม่ว่าจะการเรียนรู้เพื่อเป็นผู้นำที่ดี หรือการเรียนรู้ความสามัคคีระหว่างกัน ไหนจะการผจญภัยที่หากผูกเรื่องดีๆ ก็จะนำมาซึ่งฉากประทับใจ ประเภทว่าตอนแรกพี่น้องไม่ถูกกัน แต่พอมีภัยก็ค่อยๆ ตระหนักถึงคุณค่าของกันและกัน และหันมาจับมือกันอะไรแบบนั้น
ว่าตามจริงหนังก็มีอะไรแบบนั้นอยู่บ้างครับ แต่การนำเสนอยังไม่จับใจพอ การเล่าเรื่องก็ไม่ชวนให้ติดตามอะไรสักเท่าไร มันออกจะเรื่อยๆ เกินไปนิด ซึ่งจริงๆ ก็เป็นอะไรที่กะอยู่แล้วล่ะครับว่ามันคงออกมาประมาณนี้แหละ
พอดูแล้วผมก็มานั่งถามตัวเองน่ะนะครับว่าทำไมถึงยังติดตามหนังชุดนี้ แล้วก็พบคำตอบง่ายๆ ว่า ก็เพราะดูมาตั้งแต่ภาคแรก แม้ใจจะรู้อยู่ว่าความสนุกและความดีงามของหนังมันคงไม่เท่าภาคแรกได้ แต่ก็เพราะบุญเก่าของภาคแรกนั่นเองที่ทำให้ยังไงเราก็อยากรู้ว่าภาคต่อมันจะมีเรื่องราวเป็นเช่นไร
นั่นก็คงเป็นเหตุผลที่บริษัทขยันสร้างหนังภาคต่อจากหนังดังๆ ของตัวเองออกมาอยู่เสมอน่ะครับ เพราะรู้ว่ามันขายได้ จะได้มากได้น้อยก็ว่ากันไป แต่ยังไงมันก็ยังต้องมีคน (แบบผม) ตามไปหามาดูอยู่ดี
ระหว่างทำหนังพล็อตเดียวกันเด๊ะๆ แต่ไม่มีฐานะเป็นภาคต่อของหนังเรื่องไหนๆ ท่ั้งนั้น กับทำหนังพล็อตนี้ โดยมีชื่อของหนังดังในอดีตมาเชื่อม ทำหน้าที่เป็นภาคต่อ (หรือก่อนหน้า) ยังไงมันก็ทำเงินได้แน่นอน